ชายแดนใต้

[๐ ชายแดนใต้][bleft]

รายงานพิเศษ

[๐ รายงานพิเศษ][bsummary]

อุบัติเหตุ

[๐ อุบัติเหตุ][twocolumns]

บทความ

[๐ บทความ][bsummary]

ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง "ไพร พัฒโน" คดีอนุมัติ 20 ล้านบาทสร้างวัตถุมงคลหาเงินบูรณะพระประจำเมืองหาดใหญ่



ท้องถิ่น: ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบพิพากษาแก้ยกฟ้อง "ไพร พัฒโน" อดีตนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ ในคดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบสั่งโอนเงิน 20 ล้านบาทสร้างวัตถุมงคลจัดหาทุนซื้อทองคำปิดองค์พระประจำเมือง ปี 2548 ศาลชี้ขาดเจตนา ไม่ผิด ม.157



10 พ.ย. - ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 9 จ.สงขลา ได้อ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ เมื่อวันที่ 9 พ.ย. ยกฟ้องคดีที่อัยการสูงสุด (อสส.) เป็นโจทก์ ฟ้องนายไพร พัฒโน อดีตนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ เป็นจำเลย ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90, 91, 151, 157 กรณีกล่าวหา เมื่อระหว่างวันที่ 1-4 ก.พ.2548 จำเลยใช้อำนาจในตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ (ขณะนั้น) โดยมิชอบด้วยการออกคำสั่งอนุมัติเบิกจ่ายขาดเงินสะสมซึ่งเป็นเงินนอกงบประมาณของเทศบาลนครหาดใหญ่ 20 ล้านบาทให้แก่มูลนิธิสิรินธรราชวิทยาลัยในพระราชูปถัมภ์ ใช้เป็นทุนในการจัดทำโครงการจัดสร้างวัตถุมงคล หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด รุ่นมงคลมหาราช แทนเทศบาลนครหาดใหญ่ ให้พุทธศาสนิกชนเช่าบูชาเพื่อหารายได้ในการบูรณะซ่อมแซ่มและปิดทององค์พระพุทธมงคลมหาราช พระพุทธรูปประจำเมืองหาดใหญ่


แต่จำเลยไม่ได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามขั้นตอนและวิธีการในการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบและหนังสือสั่งการที่เกี่ยวข้อง จึงเป็นการทุจริตเอื้อประโยชน์ให้ผู้จัดการโรงงานสร้างวัตถุมงคลได้รับประโยชน์เป็นค่าตอบแทนจากการรับจ้างโดยไม่ต้องเข้าแข่งขันสู้ราคากับผู้ประกอบการรายอื่น นอกจากนี้จำเลยมีหนังสือขอเบิกจ่ายเงินขาดสะสมที่ฝากไว้กับมูลนิธิสิรินธรราชวิทยาลัย ฯ เป็นค่าใช้จ่ายในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ บวงสรวง ปลูกเสา และเททองพิธีปลุกเสกวัตถุมงคล ซึ่งเป็นการเบิกจ่ายเอื้อประโยชน์ให้ได้รับค่าตอบแทนในการรับจ้างประชาสัมพันธ์โดยไม่ต้องเข้าแข่งขันสู้ราคากับผู้ประกอบการรายอื่นด้วย จำเลยให้การปฏิเสธ


คดีนี้ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 9 พิจารณาคำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายที่นำสืบหักล้างแล้วเห็นว่า จำเลยมีความผิดตาม มาตรา 157 พิพากษาจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ส่วนข้อหาอื่นให้ยกโจทก์และจำเลย ยื่นอุทธรณ์


ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว เห็นว่า โครงการสร้างวัตถุมงคลดังกล่าวเป็นกิจการเกี่ยวเนื่องกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงศาสนาวัฒนธรรมอยู่ในอำนาจหน้าที่ของเทศบาลนครหาดใหญ่ที่กระทำได้ แม้ไม่ได้ตั้งงบประมาณรายจ่ายไว้แต่ ได้รับอนุมัติจากผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ให้ยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยวิธีการงบประมาณขององค์กรส่วนปกครองท้องถิ่นพ.ศ.2541 ข้อ 9 และข้อ 34 และสภาเทศบาลนครหาดใหญ่ยังได้อนุมัติให้มีการจ่ายขาดเงินสะสมซึ่งเป็นเงินนอกงบประมาณจำนวน 20 ล้านบาทให้แก่มูลนิธิสิรินธรราชวิทยาลัยฯ เพื่อให้จัดสร้างวัตถุมงคลหลวงปู่ทวดฯ และให้ประชาชนทั่วไปเช่าบูชาเพื่อนำรายได้ไปใช้ซ่อมแซมพระพุทธมงคลมหาราช จำเลยจึงได้อนุมัติโอนเงินสะสมจำนวน 20 ล้านบาทดังกล่าวให้มูลนิธิสิรินธรราชวิทยาลัยฯ และมูลนิธิได้ออกใบอนุโมทนาบัตรให้เทศบาลนครหาดใหญ่ด้วยจึงเท่ากับเป็นการเบิกจ่ายขาดเงินสะสมแก่มูลนิธิฯ เป็นผู้ดำเนินการจัดสร้างวัตถุมงคลแล้ว เงินจำนวน 20 บาทดังกล่าวย่อมตกเป็นของมูลนิธิฯ


ดังนั้น เทศบาลนครหาดใหญ่จึงไม่ใช่ผู้รับผิดชอบโครงการและไม่ต้องดำเนินการตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ 2535 อีก และการที่จำเลยแจ้งให้ ผอ.มูลนิธิฯ จ่ายเงินรวม 3 ครั้ง เป็นการจ่ายเงินที่พ้นสภาพจากการเป็นเงินของเทศบาลนครหาดใหญ่แล้ว การจ่ายเงินจึงไม่ต้องปฏิบัติตามระเบียบดังกล่าวอีกเช่นกัน ที่ศาลชั้นต้น ยกฟ้องในส่วนนี้ ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์โจทก์ฟังไม่ขึ้น

 

ส่วนที่จำเลยอนุมัติให้มีการจ่ายเงินค่าจัดสร้างวัตถุมงคล 3 ครั้งจากบัญชีมงคลมหาราชเทศบาลนครหาดใหญ่ให้ผู้จัดการโรงงานสร้างวัตถุมงคลนั้น ได้ความจากผู้แทนมูลนิธิฯ ว่า ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างวัตถุมงคลเป็นเงินจำนวน 35 ล้านบาทเศษ แต่ขอให้เทศบาลนครหาดใหญ่ให้การสนับสนุนเบื้องต้น 20 ล้านบาท ทำให้น่าเชื่อว่าค่าใช้จ่ายในการสร้างวัตถุมงคลต้องมากกว่า 20 ล้านบาท เทศบาลนครหาดใหญ่จึงเปิดให้มีการจองหรือเช่าวัตถุมงคลล่วงหน้า เพื่อนำเงินไปเป็นค่าใช้จ่ายในการสร้างวัตถุมงคล โดยเงินนั้นนำเข้าบัญชี "มงคลมหาราช" พอฟังได้ว่าเทศบาลนครหาดใหญ่กระทำการแทนมูลนิธิฯ เพื่อนำเงินมาชำระค่าจัดสร้าง ดังนั้นเงินในบัญชี จึงยังไม่ใช่รายได้ของเทศบาลนครหาดใหญ่จนกว่าจะมีการชำระหนี้ค่าจัดสร้างครบถ้วนแล้ว


การที่จำเลยอนุมัติให้มีการจ่ายเงิน และไม่ต้องปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการ จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตฯ ตาม ป.อ.มาตรา 151, 157 ที่ศาลอาญาคดีทุจริตฯ พิพากษาลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 157มานั้น ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริต ฯ ไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้น พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลย


ไม่มีความคิดเห็น: