ชายแดนใต้

[๐ ชายแดนใต้][bleft]

รายงานพิเศษ

[๐ รายงานพิเศษ][bsummary]

อุบัติเหตุ

[๐ อุบัติเหตุ][twocolumns]

บทความ

[๐ บทความ][bsummary]

ส่องนโยบายดับไฟใต้ เมื่อรัฐบาลไม่ให้ความสำคัญ ประชาชนจะเลือกพรรคไหนมาแก้ปัญหา สร้างสันติสุข พัฒนาปลายด้ามขวาน

 



ทัศนะ โดย... เมือง ไม้ขม



ต้องนับว่า "ประชาธิปัตย์" เป็นพรรคการเมืองแรกๆ ในการให้ความสำคัญกับเรื่องความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ของประเทศ แม้ว่าใน 8 ปีที่ผ่านมา "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" ผู้นำประเทศ จะไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องของการดับไฟใต้เท่าที่ควร ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าเป็นผู้รับผิดชอบในการแก้ปัญหา โดยพยายามที่จะทำให้ปัญหาของไฟใต้ ที่เป็นปัญหาระดับชาติ ให้เป็นปัญหาของท้องถิ่น

ที่ผ่านมา แม้ "ประชาธิปัตย์" จะไม่ใช่พรรคแกนนำในการเป็นรัฐบาล เหมือนกับ "พลังประชารัฐ" ที่เป็นแกนนำของรัฐบาล แต่ประชาธิปัตย์ โดย "นิพนธ์ บุญญามณี" รมช.มหาดไทยในขณะนั้น รองหัวหน้าพรรคและผู้อำนวยการเลือกตั้งในขณะนี้ และ "จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์" ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีนโยบายในมิติการพัฒนา เพื่อสร้างอาชีพ-สร้างรายได้ เพื่อให้คนในจังหวัดชายแดนภาคใต้มีคุณภาพชีวิต ที่ดีมาโดยตลอด ทั้งผ่านทางคณะกรรมการยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เช่น โครงการความมั่นคงทางอาหาร เพื่อให้จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นพื้นที่ผลิตอาหารในการเป็น "ครัวโลก" โดยเฉพาะในเรื่องของอาหารที่เป็น "ฮาลาล" และของการส่งเริมการเลี้ยงโคเนื้อและเลี้ยงแพะแบบ ครบวงจร ภายใต้โครงการเมืองปศุสัตว์เพื่อยกระดับการพัฒนาอุตสาหกรรมเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายใต้ระเบียงเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ รวมทั้งการพัฒนาในโครงการอื่นๆ ที่สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่

ล่าสุดคือเรื่องของการประสานงานกับกระทรวงการคลัง ให้ผ่อนปรนเงื่อนไขเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ หรือ SOFT LOAN กับกลุ่มผู้ขอสินเชื่อโครงการรายใหม่ 4,128 ล้านบาท และผู้ขอสินเชื่อโครงการเก่า ก็ขอให้มีการดำเนินการต่อไป เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการ ที่ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้

นี่คือ นโยบายในการช่วยต่อลมหายใจของผู้ประกอบการในยามที่เศรษฐกิจตกต่ำ ที่เป็นความหวังของประชาชน ที่ "ประชาธิปัตย์" ทำได้จริงและทำได้ไว ตามที่ได้รับปากประชาชนไว้

ที่สำคัญ "นิพนธ์ บุญญามณี" ซึ่งเป็นนักการเมือง ที่คลุกคลีกับปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้มาโดยตลอดของการเป็นนักการเมืองระดับชาติ เข้าใจถึงปัญหาของความมั่นคง ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างยาวนาน จึงได้ชูนโยบายสันติภาพสู่สันติสุขในการเดินหน้า แก้ปัญหาความไม่สงบและความขัดแย้ง ที่เกิดขึ้นอย่าง ยาวนานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ระหว่างขบวนการแบ่งแยกดินแดนกับนโยบายการปกครองประเทศของรัฐไทย



19 ปีของไฟใต้ ไม่เพียงแต่สร้างความล่มจมทางเศรษฐกิจ สร้างความยากจนให้คนในพื้นที่ คร่าชีวิตทั้งของเจ้าหน้าที่รัฐ ทหาร ตำรวจ และกองกำลังท้องถิ่น อาทิ ชรบ. อส. ผู้นำท้องที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผสร. และประชาชน ผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เสียชีวิตไปแล้วเกือบ 10,000 คน บาดเจ็บหลายหมื่นคน มีทั้งคนพิการ ทั้งลูกกำพร้า และหญิงหม้าย ซึ่งเป็นผลพวงจากสถานการณ์ความรุนแรง ที่รัฐต้องรับผิดชอบ ซึ่งล้วนแต่เป็นงบประมาณ ที่เป็นภาษีจากประชาชนเราๆ ท่านๆ ทั้งสิ้น

ตัวเลขที่เป็นทางการ ที่น่าตกใจ คือ รัฐจ่ายงบประมาณในการดับไฟใต้ในระยะเวลา 19 ปี เฉพาะ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าเพียงหน่วยเดียวมีถึง 4.9 แสนล้านบาท นี่ยังไม่รวมงบประมาณ อื่นๆ ที่เป็นงบฟังก์ชั่น และของหน่วยงานอื่นๆ เข้าด้วยกัน ยังน่าตกใจขนาดนี้ ถ้าไฟใต้ยังไม่มอดดับ รัฐบาลจะต้องใช้งบประมาณอีกเท่าไหร่ ในการดับไฟใต้ นี่คือ โจทย์ใหญ่ ที่พรรคการเมือง ที่จะเข้ามาบริหารประเทศต้องคิดและต้องแก้ด้วย

นโยบายสันติภาพสู่สันติสุข ที่ "นิพนธ์" นำเสนอในนามของ "ประชาธิปัตย์" ต่อประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเรื่องที่โดนใจของคนในพื้นที่ เพราะในความต้องการของประชาชนทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นพุทธ-มุสลิม หรือคนไทยเชื้อสายจีน คือต้องการเห็นความสงบสุข ต้องการสันติสุข กลับมายังดินแดนแห่งนี้ และที่สำคัญ ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่าการแก้ปัญหาด้วยความรุนแรง ระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐและแนวร่วมขบวนการแบ่งแยกดินแดน ไม่ใช่ทางออกจากปัญหาของไฟใต้อย่างแท้จริง

นโยบายสันติภาพสู่สันติสุขของประชาธิปัตย์จึงเป็นการให้คำมั่นสัญญากับประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ประชาธิปัตย์สนับสนุนการเจรจาสันติภาพระหว่างรัฐบาลกับขบวนการบีอาร์เอ็นและขบวนการอื่นๆ เพื่อสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้น ซึ่งเป็นแนวทาง ที่หลายๆ ประเทศ ที่มีปัญหาความไม่สงบที่เกิดจากขบวนการแบ่งแยกดินแดน นำไปแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้สำเร็จมาแล้ว

สร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นก่อน เมื่อสันติภาพถูกขับเคลื่อนให้เดินหน้าได้และเกิดขึ้นจริง ความเป็นสันติสุขในพื้นที่ก็จะติดตามมาสู่แผ่นดินปลายด้ามขวาน และเมื่อสันติภาพนำมาซึ่งสันติสุข โครงการพัฒนาในทุกมิติ ก็จะมีความสำเร็จและเป็นไปตามเจตนารมณ์ของประชาธิปัตย์ ที่นำเสนอต่อประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในการ เลือกตั้ง ครั้งใหม่ที่จะมีขึ้นในไม่ช้านี้

อยากให้แผ่นดินปลายด้ามขวานมีสันติภาพ อยากให้คนปลายด้ามขวานมีสันติสุข อยากเห็นการพัฒนาในทุกมิติของแผ่นดินปลายด้ามขวาน ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องตัดสินใจเอาเองว่า จะเลือกคนของประชาธิปัตย์เป็น ส.ส.เพื่อสานนโยบายสันติภาพสู่สันติสุข หรือจะเลือกผู้สมัครจากพรรคการเมืองอื่น ก็อยู่ในวิจารณญาณของประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ต้องตัดสินใจ



ไม่มีความคิดเห็น: