ชายแดนใต้

[๐ ชายแดนใต้][bleft]

รายงานพิเศษ

[๐ รายงานพิเศษ][bsummary]

อุบัติเหตุ

[๐ อุบัติเหตุ][twocolumns]

บทความ

[๐ บทความ][bsummary]

สิงห์พบเสือที่เขต 1 สงขลา ระหว่าง ”สิงห์หนุ่ม” สรรเพชญ บุญญามณี กับ ”เสือเฒ่า” เจือ ราชสีห์






รายงานพิเศษ โดย.. เมือง ไม้ขม


เขตเลือกตั้งที่ 1 จ.สงขลา เป็นอีก ”สนามประลองยุทธ์” อีกแห่งหนึ่ง ที่มีการจับจ้องจากคนในจังหวัดสงขลา แบบ ”ไม่กระพริบตา” เนื่องจากเป็นเขตเลือกตั้งที่พรรคประชาธิปัตย์มีปัญหา ไม่ได้ ส.ส.มาตั้งแต่การเลือกตั้งในปี 2562 เพราะพรรคได้ส่ง “เจือ ราชสีห์” อดีต ส.ส. 4 สมัยไปอยู่ใน ส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือปาร์ตี้ลิสต์ และส่ง ”สรรเพชญ บุญญามณี” ลงสมัครในเขตเลือกตั้งที่ 1 แทน และ “พ่ายแพ้” ให้แก่ ”วันชัย ปริญญาศิริ” จากพรรคพลังประชารัฐ อย่างชนิดหักปากเซียน

เลือกตั้งครั้งนี้ เขตเลือกตั้งที่ 1 ไม่มี ส.ส.เจ้าถิ่น เนื่องจาก ”วันชัย ปริญญาศิริ“ ลาออกจากการเป็น ส.ส.ก่อนการยุบสภา เพื่อสมัครรับเลือกตั้งในตำแหน่งนายกเทศมนตรีเทศบาลนครสงขลา และได้เป็น ”นักการเมืองท้องถิ่น” ตามความต้องการโดยที่ กกต.ไม่ได้จัดให้มีการเลือกตั้งซ่อม เพราะใกล้วาระที่รัฐบาลจะหมดเวลา

การเลือกตั้งครั้งนี้ เขตเลือกตั้งที่ 1 มีผู้สมัครลงรับเลือกตั้งหลายพรรคการเมือง แต่ผู้สมัครที่โดดเด่นและเป็นผู้แข่งขันในสนามเลือกตั้งเขต 1 สงขลา มีเพียง 3 คน จาก 3 พรรคการเมืองเท่านั้น คือ หมายเลข 1 นายเจือ ราชสีห์ อดีต ส.ส. 4 สมัยของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ครั้งนี้ลงสมัครในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ หมายเลข 4 นายสรรเพชญ บุญญามณี ผู้สมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์ และหมายเลข 2 นายประสงค์ บริรักษ์ ผู้สมัครในนามพรรคภูมิใจไทย อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลเขารูปช้าง อ.เมือง จ.สงขลา

”เจือ ราชสีห์” อดีต ส.ส. 4 สมัยของ ”ประชาธิปัตย์” ซึ่งครั้งนี้ย้ายมาอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ กลายเป็นประเด็นที่มีประชาชนให้ความสนใจในเรื่องของการ ”ย้ายพรรค” เพราะเป็นอดีต ส.ส.ของประชาธิปัตย์ถึง 4 สมัยติดต่อกัน และล่าสุด เป็น ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของประชาธิปัตย์ก่อนการยุบสภา และลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์มาสวมเสื้อ ”รวมไทยสร้างชาติ” เดินหาเสียงโดยการขอประชาชนให้สนับสนุน ”ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง

“เจือ ราชสี” ได้เปิดเผยกับประชาชนในการหาเสียงว่า ไม่ต้องการทิ้งประชาชนในเขตเลือกตั้งที่ 1 และไม่ต้องการย้ายพรรค แต่ที่ต้อง ”ย้ายพรรค” เพราะมีปัญหาในการลงสมัคร ส.ส.เขต 1 สงขลา ตั้งแต่ปี 2562 ที่ได้แจ้งความจำนงในการลงสมัคร ส.ส.เขตกับพรรคประชาธิปัตย์ แต่ผู้บริหารพรรคแจ้งว่า มีผู้สมัครมากกว่า 1 คน จึงต้องทำ ”ไพรมารี โหวต” และคะแนนที่ออกมาได้น้อยกว่าผู้สมัครอีกคน ซึ่งเป็นการทำ ”ไพรมารี โหวต” ที่ตนเองไม่มีส่วนรับรู้ และพรรคได้ให้ตนเป็นผู้สมัคร ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อหมายเลข 29 ซึ่งตนก็ได้บอกกับผู้บริหารพรรคว่า อาจจะไม่ได้ทั้ง ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และก็เป็นจริงตามที่คาดคิดไว้

“ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ผมก็แจ้งความประสงค์กับผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ว่า ขอลงสมัครในเขตเลือกตั้งที่ 1 สงขลา อีกครั้ง แต่พรรคขอให้ลงสมัครในเขตเลือกตั้งที่ 3 ซึ่งผมเห็นว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะฐานเสียงของผมคือ ประชาชนในเขตเลือกตั้งที่ 1 และผมมีความตั้งใจที่จะ ทำหน้าที่ผู้แทนในเขต 1 จะไม่ทิ้งประชาชนในเขต 1 ไปไหน เพราะผมแจ้งเกิดทางการเมืองที่นี้” นายเจือ กล่าว

นี่คือสาเหตุที่ “เจือ ราชสีห์” ได้แจ้งกับประชาชนเขต 1 ในการหาเสียงในประเด็นของการ ”ย้ายพรรค” โดย ”เจือ“ กล่าวว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บุคคลสำคัญของพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ให้เกียรติตนเอง และรับข้อเสนอ 2 ข้อของตนในการพัฒนาเมืองสงขลา เพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชนในเขตเลือกตั้งที่ 1 จ.สงขลา นั่นคือการปรับปรุงโรงพยาบาลสงขลาเก่าให้ทันสมัยเป็นโรงพยาบาลแห่งที่ 2 ของประชาชนในเขตเลือกตั้งที่ 1 เพื่อลดความแออัด ร่นระยะทางของการเดินทางไปยังโรงพยาบาลสงขลา ซึ่งตั้งอยู่ห่างจาก ”เขตเทศบาลนครสงขลา” หลายกิโลเมตร เพราะตนให้ความสำคัญกับเรื่องเจ็บไข้ได้ป่วยและเรื่องของสุขภาพพลานามัยของประชาชนเป็นอย่างมาก จึงต้องการให้ประชาชน ที่อาศัยอยู่ในเขตเทศบาลนครสงขลาได้รับบริการที่สะดวก รวดเร็ว จากสถานพยาบาล

เรื่องที่ 2 ที่ได้ขอไว้กับ”พล.อ.ประยุทธ์” คือ การสร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา บริเวณท่าแพขนานยนต์ฝั่งเทศบาลเมืองนครสงขลา ไปยังฝั่งหัวเขาแดง อ.สิงหนคร จ.สงขลา เพราะที่ผ่านมาการใช้แพขนานยนต์ทำให้เสียเวลา และไม่มีความสะดวกในการเดินทางของประชาชน ซึ่งตนได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและประชาชน ที่ต้องใช้แพขนานยนต์ ในการข้ามฝั่งต่างเห็นด้วยกับโครงการสะพานข้ามทะเลสาบแห่งนี้ และหลังจากที่ตนได้นำเสนอโครงการดังกล่าว ปรากฏว่า “พล.อ.ประยุทธ์” ได้นำคณะเดินทางมาดูปัญหาที่ท่าแพขนานยนต์ในทันที และเห็นชอบ ซึ่งหากตนได้รับการเลือกจากประชาชนให้ทำหน้าที่เป็นผู้แทนฯ และพรรครวมไทยสร้างชาติได้เป็นรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง โครงการปรับปรุงโรงพยาบาลเก่าของสงขลา เพื่อให้เป็นโรงพยาบาลแห่งที่ 2 ของประชาชนในเขตเลือกตั้งที่ 1 และโครงการสร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา เพื่อใช้ในการสัญจรระหว่างฝั่งของเทศบาลนครสงขลากับฝั่ง อ.สิงหนคร จ.สงขลา โดยไม่ต้องใช้แพขนาดยนต์จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

“ผมเป็น ส.ส. ที่ให้ความสำคัญกับความเดือดร้อนของ ประชาชน เป็นอันดับหนึ่ง เช่นการก่อสร้างสะพานลอยที่ห้าแยกเกาะยอ อ.เมือง จ.สงขลา ก็เกิดขึ้นจากการที่ผมได้นำเรื่องความเกิดร้อนของประชาชนจากการจราจรที่แออัดในบริเวณห้าแยกเกาะยอไปอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร แบบซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเจ้ากระทรวงในขณะนั้นเห็นใจและเข้าใจถึงปัญหา ถึงความเดือดร้อนของประชาชน จึงได้อนุมัติงบประมาณในการก่อสร้างมาให้ จนสร้างความสะดวก รวดเร็ว ในการเดินทาง”

และอีกผลงานหนึ่งในการเป็น ส.ส. 4 สมัย ที่ “เจือ ราชสีห์” บอกประชาชนในการหาเสียงในการเลือกตั้งครั้งนี้คือ ”สถานีขนส่ง” ในเขตเทศบาลนครสงขลา ที่เป็นผู้วิ่งเต้นของบประมาณ เพื่อก่อสร้างสถานีขนส่ง สร้างความสะดวกให้แก่ประชาชนในด้านการคมนาคม

”เจือ ราชสีห์” ได้กล่าวกับประชาชนในการออกพบปะปราศรัย ในการหาเสียงครั้งนี้ โดยชูเรื่องความซื่อสัตย์ สุจริต ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าเป็นผู้ที่เหมาะสมกับการเป็นผู้นำประเทศ ขอให้ประชาชนในเขต 1 เลือกตนเองผู้สมัครหมายเลข 1 และเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติหมายเลข 22 ให้ถล่มทลาย เพื่อที่จะได้นำสิ่งใหม่ๆ มาให้ประชาชนในเขตเลือกตั้งที่ 1 ของจังหวัดสงขลา

ในการลงสมัครเพื่อรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.เขต เลือกตั้งที่ 1 จ.สงขลาครั้งนี้ “เจือ ราชสีห์” ค่อนข้างมีความมั่นใจ เพราะมีกระแสตอบรับจากประชาชนในพื้นที่รอบนอกเขตเทศบาลนครสงขลา เช่น เทศบาลเมืองพะวง ประชาชนใน ต.เกาะยอ ที่เป็น “มาตุภูมิ” รวมทั้ง หน่วยงานราชการหลายหน่วยงานที่ตั้งอยู่ในเขตเลือกตั้งที่ 1 ที่มีสายสัมพันธ์กับ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” บุคคลสำคัญของพรรครวมไทยสร้างชาติ

แต่..เส้นทางไปการเดินไปสู่จุดหมายคือการเป็น “ผู้แทนราษฎร” ของประชาชนในเขตเลือกตั้งที่ 1 ของ ”เจือ ราชสีห์” ก็ไม่ได้ง่ายดายดังความต้องการ เพราะยังมี “เด็กหนุ่ม” จากค่ายแม่ธรณีบีบมวยผมแห่งพรรคประชาธิปัตย์ “สรรเพชญ บุญญามณี” ที่หลังพ่ายคะแนนให้แก่ ”วันชัย ปริญญาศิริ” แห่งพรรคพลังประชารัฐ ”สรรเพชญ” ก็ขยันขันแข็งในการลงพื้นที่ แบบเกาะติดช่วยเหลือประชาชน ที่ทุกข์ยาก ที่ได้รับความเดือดร้อน ในเขตเทศบาลนครสงขลามาโดยตลอด 4 ปี ซึ่งเจ้าตัวเชื่อว่า “มากพอ” ที่จะ ส่งให้ได้เป็น ส.ส.ในครั้งนี้

และนอกจากนั้น ยังมี “ประสงค์ บริรักษ์” ผู้สมัครของ”ค่ายใหญ่” ที่ทุกพรรคหวั่นไหวในเรื่องของ ”ท่อน้ำเลี้ยง” อย่างพรรคภูมิใจไทย ที่ถูกมองว่ามีฐานคะแนนพื้นที่รอบนอก ที่อาจจะทับซ้อนกับฐานคะแนนของ ”เจือ ราชสีห์” ซึ่งวันนี้ คะแนนของ ”ประสงค์ บริรักษ์” อาจะยังตาม “เจือ” และ ”สรรเพชญ” อยู่ แต่เวลาที่เหลืออยู่อีกเกือบ 1 เดือน ”ประสงค์” และ ”ภูมิใจไทย” อาจจะมีไม้เด็ด ที่ประชาชนไม่ปฏิเสธ ในการ ”วิ่งแรง” เพื่อ” แซงโค้ง” เข้าเส้นชัย

ดังนั้น สนามเลือกตั้งเขต 1 จึงเป็นสนามการเลือกตั้งที่วัดบารมีระหว่าง ”สิงห์หนุ่ม” ที่เรี่ยวแรงดีสายป่านยาว กับ ”เสือเฒ่า” ที่กระดูกแข็งโป๊กและมากประสบการณ์ในการต่อสู้ทางการเมืองมายาวนาน ซึ่งไม่ว่าใครจะ ”เข้าวิน” ล้วนแต่เป็นประโยชน์กับประชาชนในเขต 1 ของ จ.สงขลาทั้งสิ้น



ไม่มีความคิดเห็น: