หลัง "รอมฎอน" ที่ซ้ำรอยเปื้อนเลือด กระบวนการพูดคุยสันติสุขจะเดินต่อไปอย่างไร


 

บทความ โดย.. ไชยยงค์ มณีพิลึก


ในที่สุดเดือนถือศีลอดปี 2565 ก็ยังคงซ้ำรอย “รอมฎอนเลือด” เหมือนปีที่ผ่านๆ มา ทั้งที่เป็นความหวังของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า พล.อ.วัลลภภ รักเสนาะ หัวหน้าคณะพูดคุยสันติภาพฝ่ายไทย พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.รมน.ภาค 4


และโดยเฉพาะเป็นความหวังครั้งสุดท้ายก่อนเกษียณของ พล.ท.ธิรา แดหวา แม่ทัพน้อยที่ 4 ในฐานะ ผอ.ศูนย์สันติวิธี ซึ่งต้องสร้างผลงานฝากไว้ด้วยนโยบาย “นักรบพบรัก” ที่เจ้าตัวมั่นอกมั่นใจว่าจะเป็นหนทางให้ “แนวร่วม” บีอาร์เอ็นวางอาวุธและทิ้งอุดมการณ์เพื่อกลับมาอยู่กับครอบครัว


การที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าตัดสินใจปล่อยแนวร่วมที่ถูกคุมตัวให้กลับไปหาครอบครัว รวมถึงรับปากว่าเกือบ 200 คนที่ยังหลบหนีหมายจับก็ได้รับสิทธิ์นั้นด้วยหลังมีการลงนามหยุดยิงตามที่เป็นข่าวไปแล้ว เพื่อซื้อใจและมั่นใจมากว่าห้วง 40 วันปีนี้จะได้เป็น “รอมฎอนสันติสุข” เสียที


แต่หลังเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นที่ ต.แป้น อ.สายบุรี จ.ปัตตานี มีเหยื่อเสียชีวิตเป็นคนไทยพุทธ พร้อมเจ้าหน้าที่บาดเจ็บด้วย 3 ราย ช่วงเวลาที่เดินมาได้ราวครึ่งเดือนก็กลายเป็น “รอมฎอนเลือด” ในทันที


ระเบิดแสวงเครื่องครั้งนี้มีความพยายามพะยี่ห้อไว้ว่าเป็นของ “พูโล 5 จี” แถมกลัวคนไม่เชื่อ “คัสตูรี มะห์โกตา” ประธานขบวนการพูโล 5 จียังรีบออกแถลงการณ์รับรองตามด้วยคำอธิบายว่า ที่ต้องเป็นพูโล 5 จีเนื่องจากเวลานี้ขบวนการแตกออกไปถึง 5 ปีก


ถัดมาไม่กี่วันมีผู้พบเห็นป้ายผ้าที่ ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ จ.นราธิวาส เขียนว่า “ปัตตานีไม่ใช่สยาม มึงออกไป” ซึ่งตรวจสอบพบว่าเป็นการกระทำของแนวร่วนพูโลในอีกปีกที่แยกไปจากขบวนการพูโลเก่า และเรียกตัวเองว่าเป็น “ขบวนการพูลา” ที่มี “ซำซูดิง คาน” นั่งเป็นประธาน


เพียงไม่ถึงครึ่งทางหลังการลงนามหยุดยิงก็มีทั้งการก่อเหตุร้ายและการทำไอโอไปแล้วของ 2 ขบวนการแบ่งแยกดินแดน แล้วกว่าจะครบ 40 วันจะมีกลุ่มอื่นออกมาปฏิบัติการอีกไหม เพราะยังมีที่ตกหล่นใน “กระบวนการพูดคุยสันติสุข” กับรัฐไทยอีกหลายกลุ่ม


สำหรับขบวนการแบ่งแยกดินแดนในชายแดนใต้นอกจากบีอาร์เอ็นและพูโลแล้วยังมี “มูจาฮีดินอิสลามปัตตานี” รวมถึงอื่นๆ อีกไม่ต่ำกว่า 6 กลุ่มที่แม้ไม่มีกองกำลังติดอาวุธในพื้นที่เหมือนบีอาร์เอ็น แต่ทุกกลุ่มยังเคลื่อนไหวและมีสำนักงานในต่างประเทศทำงานไอโอเพื่อแสดงตัวตนเด่นชัด


แน่นอนทุกกลุ่มต้องการมีส่วนบนโต๊ะการเจราจาสันติภาพต่างๆ แล้วแต่จะเรียก หลายกลุ่มเคยได้รับเชื้อเชิญให้เข้าร่วมโต๊ะมาแล้วเมื่อครั้งรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มี พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร สมัยเป็นเลขา สมช.นั่งเป็นหัวหน้าคณะพูดคุย ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะยึดอำนาจสู่รัฐบาล คสช.


อย่างไรก็ตาม การที่นายคัสตูรีออกมาเคลมว่า เหตุบิ้มครั้งล่าสุดเป็นฝีมือกลุ่มตน เรื่องนี้จะเท็จหรือจริงอย่างไรนั้นยังต้องรอพิสูจน์ เพราะทั้งหน่วยงานความมั่นคงไทยและฝ่ายบีอาร์เอ็นเองก็ยังคลางแคลงใจ เพราะไม่เชื่อว่ามีศักยภาพเพียงพอ


กล่าวกันว่าการโจมตีด้วยระเบิดต้องบีอาร์เอ็นเท่านั้น ส่วนกลุ่มพูโล 5 จีทำได้แค่แสดงสัญลักษณ์ด้วยการพ่นสี แขวนป้ายผ้า หรือที่เคยพบวางระเบิดก็แค่ลอบบึ้มสัญญาณจราจรกลางถนนที่ จ.ปัตตานีเมื่อหลายปีก่อน ส่วนที่นายคัสตูรีอ้างโจมตีทหารที่ดุซงญอเมื่อปี 2564 น่าจะเป็นการรับสมอ้างมากกว่า


แต่อย่าลืมว่าสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ พูโลต้องการแสดงตัวตนว่ามีศักยภาพและมีกองกำลัง ถึงขั้นส่ง “แนวร่วมรับจ้าง” ไปก่อเหตุระเบิดในกรุงเทพฯ มาแล้ว เมื่อเจ้าหน้าที่จับกุมผู้ก่อเหตุขณะปฏิบัติการได้ 5 คน และติดตามจับกุมได้ที่ชายแดนใต้อีก 5 คน พวกเขาต่างรับสารภาพได้รับการว่าจ้างจากนายคัสตูรี


ทั้งหมดกลายเป็นเพิ่มปัญหาในอนาคตขึ้นอีกอย่างแน่นอน เพราะนายคัสตูรียืนยันชัดเจนว่ากลุ่มเขาต้องการเข้าสู่โต๊ะพูดคุยสันติสุขด้วย เช่นเดียวกับกลุ่มของนายซำซูดิง และอาจรวมถึงกลุ่มอื่นๆ ที่รอจังหวะแสดงตนต่อจากนี้


ขณะที่บีอาร์เอ็นเคยยื่นคำขาดว่า ถ้าบนโต๊ะมีกลุ่มอื่นๆ พวกเขาจะไม่เจรจากับรัฐไทยอีก ซึ่งฝ่ายไทยเองก็ไม่ต้องการพูดคุยกับกลุ่มที่ไม่มีกองกำลังติดอาวุธอยู่แล้ว ยืนยันได้จาก “เสธ.เมา” หรือ พล.อ.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ อดีตแม่ทัพภาคที่ 4  และหัวหน้าคณะพูดคุยฝ่ายไทยเคยร้องขอไว้กับฝ่ายมาเลเซียมาในฐานะคนกลางผู้อำนวยความสะดวก ซึ่งประเด็นนี้ หลายฝ่ายต่างเห็นพ้องด้วย


ดังนั้นต้องให้ความสนใจที่เหตุบึ้มล่าสุดที่ ต.แป้น อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ว่าเป็นฝีมือของบีอาร์เอ็นหรือพูโล ก่อนที่จะครบกำหนดหยุดยิงจะมีการก่อเหตุแสดงตัวตนของกลุ่มต่างๆ อีกหรือไม่ และหลังครบกำหนด 40 วันสถานการณ์จะเดินต่อไปอย่างไร


โดยเฉพาะการอนุญาตให้ 266 คนที่เห็นต่างกลับไปหาครอบครัวช่วงรอมฎอนได้ หลังครบกำหนด กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าจะนำตัวกลับมาควบคุมต่อหรือไม่ อย่างไร รวมถึงคนที่มีหมายจับด้วย ทั้งหมดนี้ควรต้องมีคำตอบที่ชัดเจน


ไม่เพียงเท่านั้น หัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขฝ่ายไทยควรต้องแสดงหลักฐานการลงนามหยุดยิงกับฝ่ายบีอาร์เอ็นให้คนทั้งประเทศได้รับรู้ รวมถึงยังมีข้อตกลงในเงื่อนไขที่เป็นพันธะสัญญาอื่นๆ อีกหรือไม่


ทั้งหมดเป็นเรื่องสำคัญที่สังคมไทยควรได้รับรู้ เพราะไม่ใช่เกี่ยวข้องกับเกียรติภูมิประเทศชาติและเป็นการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจให้คนในชาติเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องถึงความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของคนไทยที่จะตามมาในอนาคตด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

กระบวนการยุติธรรม

[๐ กระบวนการยุติธรรม][bleft]

อุบัติเหตุ

[๐ อุบัติเหตุ][twocolumns]

คุณภาพชีวิต

[๐ คุณภาพชีวิต][bsummary]

ชายแดนใต้

[๐ ชายแดนใต้][bleft]

บทความ

[๐ บทความ][bsummary]