หรือจะต้องขึ้นป้ายให้รู้ทั้งประเทศว่า ”ด่านนอก” เป็นเมืองไม่อยู่ใต้กฎหมายไทย





บทความ โดย.. เมือง ไม้ขม

ไม่นานมานี้ กลุ่มคนผู้อยู่ในธุรกิจบันเทิง 20 กว่าคน ที่ ”ด่านนอก” เมืองชายแดนในพื้นที่เทศบาลตำบลสำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา ได้ร้องเรียนกับนายเดชอิศม์ ขาวทอง หรือนายกชาย รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และ ส.ส.เขต 5 จ.สงขลา ให้ดำเนินการ "ตำรวจ 20 นาย" ซึ่งเข้าไป ”เก็บส่วย” จากสถานบันเทิงในพื้นที่ด่านนอก 

หลังจากที่รับเรื่องมาแล้ว “นายกชาย” ก็ได้มอบให้ 2 ผู้ช่วย ส.ส.ยื่นเรื่องถึงผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา (ผบก.ภ.จว.สงขลา) และผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 9 (ผบช.ภ.9) เพื่อให้ดำเนินการเอาผิดกับ "ตำรวจ" กลุ่มดังกล่าว ที่มีการระบุจำนวนชัดเจนว่า “20 นาย"

”แหล่งข่าว” ระบุก่อนหน้านั้นว่า เจ้าหน้าที่ทั้ง 20 นายมาจากตำรวจในพื้นที่ อ.สะเดา และจาก ภ.จว.สงขลา ซึ่ง ”คุ้นหน้า” กันดีสำหรับผู้ประกอบธุรกิจบันเทิงในพื้นที่ด่านนอก โดยเฉพาะธุรกิจบันเทิง ที่เป็น ”สีเทา” และเป็น ”สีดำ” รวมถึงธุรกิจที่ ”หมิ่นเหม่กับการทำผิดกฎหมาย” เพราะก่อนหน้าที่จะเกิดการระบาดของ ”โควิด-19 “ สถานอโคจรในด่านนอกก็มีการจ่ายส่วยให้เจ้าหน้าที่กลุ่มนี้เป็นประจำอยู่แล้วนั่นเอง

สำหรับผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะมองเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็ก หรือเรื่อง ”จิ๊บจ้อย” ที่แสนธรรมดา หรือไม่อย่างไรไม่รู้

แต่สำหรับผู้เขียน เรื่องนี้เป็น ”เรื่องใหญ่” การที่นักธุรกิจออกมากล่าวหาว่ามี “ตำรวจ” ถึง 20 คน รวมตัวกันเป็น ”แก๊ง” เพื่อทำการเรียกเก็บส่วยจากนักธุรกิจเป็นเรื่องใหญ่ และเป็นเรื่องสำคัญ ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ในฐานะที่เป็นเจ้าของพื้นที่จะต้องเร่งสะสางเรื่องที่ถูกร้องเรียนโดยเร็ว ถ้าจริงก็ต้องลงโทษผู้ที่ทำผิด หรือถ้าไม่จริงก็ต้องเอาผิดกับผู้ที่ให้ร้ายป้ายสี ให้เกิดความเสื่อมเสียแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
เพราะเรื่องที่ตำรวจ 20 คนตั้งแก๊งค์เพื่อเก็บส่วยเป็นการสร้างความเสียหายและเสื่อมเสียอย่างมากต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเป็นการทำให้ต้นทุนทางสังคมของตำรวจ ที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินอยู่แล้ว ให้ตกต่ำยิ่งขึ้นในสายตาของประชาชน

แต่...แปลก ที่เรื่องตำรวจ 20 คนถูกกว่าหาว่า ตั้งแก๊งเพื่อรีดไถด้วยการเก็บส่วยจากนักธุรกิจบันเทิง กลับเงียบฉี่ ทั้งจากฝ่ายปกครองและจากฝ่ายของตำรวจ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนกับว่า วันนี้ไม่มีกรมการปกครองและไม่มีสำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่ในประเทศนี้

และที่สำคัญ หลังจากที่มีการยื่นเรื่องถึงผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาและผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลาแล้ว กลุ่มผู้เสียหายที่เรียกร้องว่าต้องจ่ายส่วยก็ไม่ได้ติดตามความคืบหน้าของการร้องเรียนว่ามีการสืบสวนสอบสวนกันไปถึงไหนแล้ว จึงทำให้หลายคนสงสัยว่า เรื่องการร้องเรียนครั้งนี้จะเป็นเรื่อง ”มวยล้มต้มคนดู” ที่เมื่อทั้งสองฝ่ายต่างสมประโยชน์ โดยมีคนกลางเข้าทำการ ”เกี๊ยเซี๊ยะ” เพื่อให้ผลประโยชน์ลงตัว ทุกอย่างก็เป็นเรื่อง ”แฮ้ปปี้เอนดิ้ง” ของทั้งสองฝ่ายเหมือนไม่มีอะไรในกอไผ่

เพราะอะไร ก็เพราะว่า ด่านนอก ตั้งแต่เริ่มตั้งเมืองจนมาถึงปัจจุบัน ตั้งแต่เป็นชุมชนเล็กๆ จนยกฐานะเป็นเทศบาลตำบล เมืองนี้เป็นเมืองที่อยู่ได้ด้วยธุรกิจที่ผิดกฎหมายและที่หมิ่นเหม่ต่อการทำผิดกฎหมาย เกือบร้อยเปอร์เซนต์

เป็นเมืองที่เติบโตจากการ ”ค้ากาม” ที่ส่วนใหญ่เป็นคนต่างด้าว ทั้งลาวและเมียนมา จากในซ่องจนมาอยู่ในรูปของคาราโอเกะ แต่เป็นคาราโอเกะที่ใช้ชื่อบังหน้า ส่วนเบื้องหลังก็คือซ่องโสเภณีดีๆ นั่นเอง

เช่นเดียวกับสถานบันเทิง ไม่ว่าอยู่ในชื่อแบบไหน แต่พฤติกรรมก็คือเป็น ”แหล่งค้ากาม” ที่มีการปรุงแต่ง เพื่อเป็นการยกระดับให้หรูหราขึ้นมาหน่อย เพื่อหลีกเลี่ยงข้อกฎหมาย เพื่อให้ดูดีว่านี้คือ สถานบันเทิง เพื่อการอินเตอร์เทนสำหรับนักท่องชาวต่างประเทศ

นอกจากธุรกิจที่ขึ้นชื่อคือเรื่องของการค้ากาม ซึ่งเป็นเรื่องที่แยกไม่ออกกับการค้ามนุษย์ เมืองแห่งนี้ยังเป็นแหล่งของการค้ายาเสพติด และผู้เสพ ส่วนหนึ่งเป็นชาวมาเลเซีย ที่เดินทางเข้ามา เพื่อทำ 2 อย่าง คือ 1.เที่ยวผู้หญิงและ 2.เสพยาเสพติด

ที่สำคัญ มีชาวมาเลเซียจำนวนไม่น้อย ที่เดินทางข้ามพรมแดนเข้ามาเที่ยวผู้หญิงและเสพยาเสพติด โดยไม่มีการใช้หนังสือเดินทาง แต่เป็นการเข้าเมืองแบบผิดกฎหมาย หรือแบบเถื่อนๆ จ่ายเงินให้เจ้าหน้าที่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับกฎหมายเข้าเมือง ทำกันมาตั้งแต่เริ่มตั้งเมืองจนถึงปัจจุบัน

ดังนั้น ธุรกิจของด่านนอกจึงเป็นการเปิดช่องให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกฎหมายของเมืองท่องเที่ยว ตั้งแต่ตำรวจท้องที่ ฝ่ายปกครอง สาธารณสุข ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจจากส่วนอื่นๆ ตั้งแต่สืบจังหวัด สืบภาค กองปราบ ทั้งที่เป็นหน่วยที่รับผิดชอบในพื้นที่และจากส่วนกลาง

ครั้งหนึ่ง เจ้าหน้าที่เคยจับกุมสถานที่ค้ากามแห่งหนึ่งในพื้นที่ด่านนอก แล้วพบมีบัญชีการจ่ายส่วยที่มีรายชื่อของหน่วยงานต่างๆ ถึง 19 หน่วย และปัจจุบันยังมีบุคคล ที่อ้างว่ามาจาก “ดีเอสไอ” เพิ่มขึ้นเป็นหน่วยที่ 20 นี่ยังไม่รวม ”นักบิน” จากส่วนกลาง ที่บินโฉบไปโฉมมาเพื่อเก็บส่วยอีกพวกหนึ่ง มีผู้กล่าวกันแบบตลกๆ ว่า เหลือเพียงหน่วยงานเดียวเท่านั้น ที่ไม่อยู่ในบัญชีของการเก็บส่วยด่านนอก นั่นก็คือ ”ลูกเสือชาวบ้าน”

และที่สำคัญ “ด่านนอก” มีสถานที่ประกอบธุรกิจจำนวนไม่น้อย เช่น โรงแรม ที่ไม่มีใบอนุญาต สถานบันเทิงไม่มีใบอนุญาต อาคารร้านค้าก่อสร้างผิดแบบ และอีกมากมายที่ก่อสร้างอยู่ในเขตเทศบาลตำบลสำนักขาม ถ้าเอากันตามกฎหมาย เจ้าของอาจจะถูกจับกุมและอาคารร้านค้าเหล่านี้ต้องถูก ”ทุบทิ้ง” เพราะเป็นการก่อสร้างที่ไม่ถูกต้อง ผิดแบบผิดแปลนและเป็นอันตราย และผู้ทำความผิดอาจจะไม่ใช่เพียงเจ้าของอาคารสถานที่ แต่มีเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและนักการเมือง ซึ่งเป็นผู้เซ็นอนุญาต รวมอยู่ด้วย

ทั้งหมด จึงเป็นช่องทางให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเก็บภาษีเถื่อนหรือส่วยจากเจ้าของสถานที่ เจ้าของธุรกิจ เพราะถ้าไม่จ่ายก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย เช่น ถูกปิดสถานบริการ สถานบันเทิง ดังนั้น ผู้ที่ทำธุรกิจที่ผิดกฎหมายและที่หมิ่นเหม่ต่อการผิดกฎหมาย จึงจำใจต้องจ่ายส่วย เพื่อที่จะดำเนินธุรกิจต่อไปได้

และนี่อาจจะเป็นที่มาของ ”20 ตำรวจ” ที่ถูกกล่าวหาว่าไปเก็บส่วย ซึ่งอาจจะไปเก็บแบบไม่ดูกาลเทศะ เพราะไปเก็บขณะที่ผู้ประกอบการเดือดร้อนมา 2 ปีเต็ม เพราะต้องปิดสถานบันเทิงจากการระบาดของโควิด-19 หลังการมีการเปิดประเทศเมื่อวันที่ 1 พ.ค.ได้เพียงไม่กี่วัน ก็มีการเดินสายเพื่อเก็บส่วย จึงเกิดอาการ ”สุดจะทน” จนต้องร้องเรียน เพราะโดยปกติ คนที่ทำธุรกิจสีเทาและสีดำ ถ้าไม่ถึงจุดสุดจะทนก็จะไม่ร้องเรียน เพื่อเอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะกับตำรวจ ที่เป็นหน่วยงานที่ถือกฎหมาย เพราะหากมีการเอาคืนเกิดขึ้น นักธุรกิจที่ทำในสิ่งที่ผิดกฎหมายก็จะได้ไม่คุ้มเสียนั้นเอง

แต่...ไม่ว่าอย่างไร คำถามคือ เรื่อง ”20 ตำรวจ” ที่ถูกร้องเรียนว่าเป็นแก๊งค์เก็บส่วย ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะดำเนินการอย่างไร และนอกจาก ดำเนินการกับตำรวจที่ถูกร้องเรียนแล้ว ฝ่ายปกครองและตำรวจ ทั้งในท้องที่ อ.สะเดา จ.สงขลา และผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา จะดำเนินการอย่างไร กับสถานบันเทิง ที่มีการค้ามนุษย์ และมีการค้ายาเสพติด และคนเถื่อน ทั้งระดับที่เป็นห้องแถว ตึกแถว จนถึงโรงแรมหรูหราของนักลงทุนจากต่างชาติ

ถ้าจะมีการเอาผิด ก็เชื่อขนมกินได้ล่วงหน้าว่า จับได้ทุกวันและทุกคืน ตำรวจและปกครองจะดำเนินการอย่างไร กับผู้ทำผิดกฎหมายในพื้นที่แห่งนี้

หรือจะปล่อยให้ ”ด่านนอก” เป็น ”เมืองเถื่อน” ต่อไป และเป็นที่เก็บส่วยของหน่วยงานต่างๆ ต่อไปแบบไม่มีอะไรในกอไผ่ ก็ตอบประชาชนมาให้ชัดๆ จะได้ขึ้นป้ายให้รับรู้กันทั่งประเทศว่า ”เมืองนี้คือเมืองที่ทุกคนทำในสิ่งที่ผิดกฎหมายได้อย่างเสรี โดยที่ไม่อยู่ใต้กฎหมายของรัฐบาลไทย”

ไม่มีความคิดเห็น:

กระบวนการยุติธรรม

[๐ กระบวนการยุติธรรม][bleft]

อุบัติเหตุ

[๐ อุบัติเหตุ][twocolumns]

คุณภาพชีวิต

[๐ คุณภาพชีวิต][bsummary]

ชายแดนใต้

[๐ ชายแดนใต้][bleft]

บทความ

[๐ บทความ][bsummary]