เมื่อความต้องการของประชาชนชายแดนใต้คือ “สันติภาพสู่สันติสุข” เพื่อสลายความขัดแย้ง การเลือกตั้งที่ใกล้เข้ามาจะตอบโจทย์นี้อย่างไร
บทความ โดย… เมือง ไม้ขม
พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ประกอบด้วยจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ในการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีเขตเลือกตั้งเพิ่มขึ้นอีก 1 เขตใน จ.นราธิวาส ที่เดิมมีอยู่ 4 เขต เป็น 5 เขต ส่วนยะลา มี 3 เขต และปัตาตานีมี 4 เขต รวมแล้วในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครลงในพื้นที่นี้จะได้ชิงชัยที่นั่ง ส.ส. 12 ที่นั่งด้วยกัน
ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ “ประชาธิปัตย์” โดนมรสุมจากคนกันเอง ส.ส.ของประชาธิปัตย์เกือบทั้งหมดถูกดึงดูดโดย ”เทพเทือก” สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ผู้นำมวลชนนกหวีด ที่ออกจากประชาธิปัตย์ไปตั้งพรรคการเมืองใหม่ จึงเป็นสาเหตุให้ประชาธิปัตย์ต้องเสียที่นั่ง ส.ส.ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ ส.ส.เขตเพียงคนเดียวคือ ”อันวาร์ สาและ” ส.ส.ปัตตานี เขต 1
แต่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่เหมือนเมื่อ 4 ปี ที่ผ่านมา แม้ว่าในครั้งนี้ ประชาธิปัตย์จะเสีย ”อันวาร์ สาและ” ให้ ”ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แห่งพลังประชารัฐ ก็จริง แต่ประชาธิปัตย์ โดยการนำของ ”นิพนธ์ บุญญามณี” รองหัวหน้าพรรคและผู้อำนวยการเลือกตั้ง ที่พรรคมอบหมายให้เป็นผู้รับผิดชอบพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีการเตรียมตัวมาดี รู้ล่วงหน้าในกรณีของ ”อันวาร์” และมีการทำการบ้านในการเลือกเฟ้นผู้สมัครหน้าใหม่ ที่เป็นเลือดใหม่และติวเข้มผู้สมัครเลือดเก่าเป็นอย่างดี เพื่อเตรียมการสู้ศึกในครั้งนี้
ที่สำคัญ ตลอดเวลา 4 ปี ที่ผ่านมา ประชาธิปัตย์ได้สร้างผลงานให้แก่ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่าจริงจัง เพื่อแสดงให้เห็นถึงความจริงใจในการเป็นพรรคการเมือง ที่ไม่ได้เลือกฝักฝ่าย แต่เลือกการพัฒนาพื้นที่และพัฒนาเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตให้แก่ประชาชน ผ่านทางกลไกของรัฐ อย่างคณะกรรมการยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) และศูนย์อำนวยนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ในฐานะที่ ”นิพนธ์” เคยเป็น “รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย“ ที่มีหน้าที่ดูแลทุกข์สุขของประชาชน โดยให้ความสำคัญกับพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เป็นพื้นที่ด้อยพัฒนา เป็นพื้นที่ซึ่งประชาชนมีปัญหาเรื่องความยากจนจากปัญหาการว่างงาน ฯลฯ ที่เกิดขึ้นจากปัญหาความไม่สงบเป็นด้านหลัก
“นิพนธ์” ในฐานะของ ”รัฐมนตรีช่วย” กระทรวงมหาดไทย และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ผลักดันการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างเต็มกำลัง ตั้งแต่การแก้ปัญหาผลไม้ล้นตลาดราคาตกต่ำ ผ่านกลไกของกระทรวงพาณิชย์ ที่มี ”จุรินทร์ ลักษณะวิศิษฎ์” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่การกระทรวงพาณิชย์ มีการผลักดันการค้าชายแดน โดยการพัฒนายกระดับด่านศุลกากรทั้ง 9 ด่าน ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเชื่อมโยงยกระดับการค้าชายแดน เพื่อสร้างเม็ดเงินให้แก่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการแก้ปัญหาและยกระดับด่านศุลกากร อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งเป็นประตูการส่งออกอันดับ 2 ของประเทศได้เป็นผลสำเร็จ
ในส่วนของการส่งเสริมอาชีพของประชาชน เพื่อแก้ปัญหาปากท้องและความยากจน พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งรับผิดชอบกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อยู่ด้วย ได้ขับเคลื่อนผ่าน ศอ.บต. โดยยกระดับให้ประชาชนส่วนใหญ่ ที่เป็นเกษตรกรเข้าสู่โครงการปลูกไผ่ ที่เป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ มีการร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ผลักดันเมืองปศุสัตว์ภายใต้ระเบียงเศรษฐกิจฮาลาล ให้ประชาชนมีอาชีพ เลี้ยงโคเนื้อเลี้ยงแพะแบบครบวงจร เพื่อให้จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นแหล่งผลิตอาหารสู่ครัวโลก
ล่าสุด “นิพนธ์” ยังขอความร่วมมือจากกระทรวงการคลัง ในการให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำหรือซอฟโลนท์ เพื่อช่วยเหลือกลุ่มเอสเอ็มอี ทั้งที่เป็นรายใหม่และรายเก่า รวมทั้งการช่วยเหลือแก้ปัญหาที่ติดขัดทางราชการให้ผู้ที่เดินทางไปประกอบอาชีพที่ประเทศมาเลเซีย ที่รู้จักกันในชื่อของ ”ชมรมต้มย้ำกุ้ง” และที่เป็นผลงานชิ้นโบว์แดง คือการเร่งรัดให้กรมที่ดินออกโฉนดให้ประชาชน ซึ่งมีปัญหาเรื่องสิทธิในการทำกิน ซึ่งได้รับความชื่นชอบจากประชาชน
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่ง ที่เป็นผลงานของ ”นิพนธ์ บุญญามณี” และ ”ประชาธิปัตย์” ในขณะที่ ”นิพนธ์” อยู่ในตำแหน่ง รมช.มหาดไทย
”ประชาธิปัตย์” เป็นพรรคการเมือง ที่เข้าใจปัญหาของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ดีกว่าทุกพรรคการเมือง เพราะประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองที่ยืนยาวมาถึง 70 กว่าปี เป็นพรรคการเมือง ที่มี ส.ส.ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มากที่สุด มี ส.ส.ที่เป็นรัฐมนตรีมาแล้วหลายยุคหลายสมัย ตั้งแต่ ”สิดดิก ซารีฟ” ที่เป็น รมต.ศึกษาธิการ เด่น โต๊ะมีนา รมช.มหาดไทย และใครต่อใคร อีกหลายคน ก็เป็น “รัฐมนตรี” ที่เป็น ส.ส.ของประชาธิปัตย์มาแล้วทั้งสิ้น
ที่สำคัญ ”ชวน หลีกภัย” ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 2 สมัย คือ นักการเมืองคนแรกๆ ที่ดำเนินการเจรจาในทางลับกับขบวนการแบ่งแยกดินแดน
ดังนั้น คนของประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะ ”นิพนธ์” ซึ่งเป็นรองหัวหน้าพรรค ที่รับผิดชอบพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในการเลือกตั้งมายาวนาน จึงรู้จักปัญหาและรู้จักคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นอย่างดี
ครั้งนี้ ”นิพนธ์” จึงเสนอทางออกจากความขัดแย้ง ที่เป็นปัญหาหลักของจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยนโยบาย ”สันติภาพสู่สันติสุข” เพื่อสลายความขัดแย้ง ที่เป็นหัวใจของปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และหลังจากมีการนำเสนอ ปรากฏว่า ได้รับการตอบรับจากคนในพื้นที่ รวมทั้งกลุ่มของผู้เห็นต่าง ที่ต้องการให้พรรคการเมืองเป็นผู้ขับเคลื่อนในการนำ ”สันติภาพสู่ความสันติสุข” เพราะพบว่า ”โต๊ะเจรจาสันติสุข” ที่ขับเคลื่อนโดยหน่วยงานความมั่นคง ยังไม่สามารถตอบโจทย์ของการนำสันติภาพมาสู่แผ่นดินปลายด้ามขวาน ตามความต้องการของคนในพื้นที่ได้อย่างแท้จริง
ที่สำคัญ วันนี้ ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เคยให้บทเรียนกับประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ต่างก็ได้บทเรียนในการได้ ส.ส.และได้ “นายกรัฐมนตรี” ที่ไม่สามารถแก้ปัญหาความไม่สงบ และปัญหาเศรษฐกิจ-ปากท้องของประชาชนอย่างที่คาดหวังได้
วันนี้ มวลชนที่เคยหนุนประชาธิปัตย์จึงได้กลับมาโอบอุ้มประชาธิปัตย์อีกครั้ง ซึ่งเป็นสัญญาณที่ทำให้เห็นว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ “ประชาธิปัตย์” จะหวนกลับมายึดพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้อีกครั้งแน่นอน
ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ”ประชาธิปัตย์” ส่งผู้สมัครครบทั้ง 12 เขตเลือกตั้ง จ.ปัตตานี เขต 1 นายสนิท นาแว เขต 2 นายมนตรี ดอเลาะ เขต 3 นายยูนัยดี วาบา เขต 4 นายสุริยา กูทา จ.ยะลา เขต 1 นายประสิทธิ์ชัย พงษ์สุวรรณศิริ เขต 2 นายนายอับดุลเลาะ บุวา เขต 3 นายณรงค์ ดูดิง และ จ.นราธิวาส เขต 1 นายวัสสันต์ ดือเร๊ะ เขต 2 นายเมธี อรุณ เขต 3 นายสุลัยมาน มะโซ๊ะ เขต 4 นายไซดี เจ๊ะหามะ และเขต 5 นายเจะอามิง โต๊ะตาหยง
ด้วยผลงานที่ ”นิพนธ์” ได้ขับเคลื่อนในตำแหน่ง รมช.มหาดไทยที่ผ่านมา และด้วยนโยบายนำสันติภาพสู่การมีสันติสุข ให้แก่พี่น้องปลายด้ามขวาน รวมทั้ง ด้วยการที่ผู้สมัคร ซึ่งลงพื้นที่พบประชาชนโดยเข้าถึงและเข้าใจ ด้วยนโยบายและยุทธศาสตร์ ที่สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ และความต้องการของประชาชน จะทำให้ “ประชาธิปัตย์” กลับมาผงาดอีกครั้ง ณ แผ่นดินปลายด้ามขวาน
ไม่มีความคิดเห็น: