ชายแดนใต้

[๐ ชายแดนใต้][bleft]

รายงานพิเศษ

[๐ รายงานพิเศษ][bsummary]

อุบัติเหตุ

[๐ อุบัติเหตุ][twocolumns]

บทความ

[๐ บทความ][bsummary]

กองทัพภาคที่ 4 ยันสร้างสถานที่ประกอบศาสนกิจในค่ายทหาร ไม่ใช่ “มัสยิด”







ชายแดนใต้: โฆษกกองทัพภาคที่ 4 แจงกรณีการก่อสร้างสถานที่ประกอบศาสนกิจภายในค่ายทหาร จ.สตูล ปัดไม่ใช่มัสยิด ไม่ได้จดทะเบียนเป็นมัสยิดและไม่มีคณะกรรมการประจำมัสยิด ชี้แต่ละค่ายมีสถานที่ประกอบศาสนกิจให้แต่ละศาสนา ส่วนที่ จ.สตูลสร้างจากเงินบริจาคของประชาชน กำลังพล และครอบครัว

1 เมษายน 2566 - พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 และโฆษกกองทัพภาคที่ 4 กล่าวถึงกรณีที่มี ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวในสื่อโซเชียลกล่าวถึงกรณีการสร้างมัสยิดภายในหน่วยทหาร ร.5 พัน 2 อ.เมือง จ.สตูล ซึ่งเป็นสถานที่ราชการ อาจเข้าข่ายเป็นการกระทำที่มิชอบด้วยกฏหมาย ว่า แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่า การก่อสร้างอาคารดังกล่าวเป็นเพียงสถานที่ในการประกอบศาสนกิจเพื่ออำนวยความสะดวกแก่กำลังพลและครอบครัวที่นับถือศาสนาอิสลามเท่านั้น มิได้จดทะเบียนเป็นมัสยิดและไม่มีคณะกรรมการประจำมัสยิด จึงมิใช่เป็นการสร้างมัสยิดดังที่ได้มีการตั้งข้อสังเกตุแต่อย่างใด

“ขอยืนยันว่ากองทัพบกได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและสนับสนุนให้กำลังพลและครอบครัวภายในค่ายทหารได้มีสถานที่สำหรับใช้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจและประกอบศาสนกิจตามความศรัทธาของแต่ละศาสนา ซึ่งมีทั้งศาสนสถานสำหรับผู้ที่นับถือศาสนาพุทธ รวมทั้งสถานที่ประกอบศาสนกิจสำหรับผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม ซึ่งมีอยู่ทุกค่ายทหาร แต่อาจมีลักษณะที่แตกต่างกันไป” พล.ต.ปราโมทย์กล่าว

พล.ต.ปราโมทย์ กล่าวว่า สำหรับการก่อสร้างสถานที่สำหรับประกอบศาสนกิจภายในค่ายทหาร ร.5 พัน 2 จ.สตูล เกิดจากความคิดริเริ่มของหน่วยที่ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญกับกำลังพลและครอบครัวที่นับถือศาสนาอิสลามซึ่งพักอาศัยอยู่ในค่ายเป็นจำนวนมาก โดยได้รับการสนับสนุนงปประมาณบริจาคจากประชาชนตลอดจนกำลังพลและครอบครัวผู้มีจิตศรัทธา เพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบศาสนกิจตามหลักความเชื่อทางศาสนาอิสลามสำหรับกำลังพลและครอบครัวภายในค่ายทหารเท่านั้น โดยไม่มีบุคคลภายนอกเข้ามาใช้บริการแต่อย่างใด



พล.ต.ปราโมทย์ กล่าวว่า ทั้งนี้กองทัพภาคที่ 4 ต้องขอขอบคุณในความตั้งใจและความปรารถนาดีของผู้แจ้งข่าวและตั้งข้อสังเกตุ เพราะถือเป็นการทำหน้าที่พลเมืองดีในการช่วยกันตรวจสอบและสอดส่องดูแลสิ่งผิดปกติที่อาจเป็นปัญหาขึ้นมาในสังคมในอนาคตและในโอกาสต่อๆไปหากพบเห็นกำลังพลหรือหน่วยงานในสังกัดกองทัพภาคที่ 4 กระทำการใดๆ ที่อาจเข้าข่ายเป็นการละเมิดต่อหลักกฏหมาย ขอความกรุณาช่วยแจ้งให้กองทัพภาคที่ 4 ได้รับทราบด้วยเพื่อทำการปรับปรุงแก้ไขต่อไป






ไม่มีความคิดเห็น: