น้ำมันเถื่อนไม่กลัวรักษาการ ผบ.ตร.ขนขึ้นฝั่งอ่าวไทยคึกคักทั้งที่นครศรี-สุราษฎร์ธานี
กระบวนการยุติธรรม - น้ำมันเถื่อนแบ็กดี ไม่กลัวคำสั่งรักษาการ ผบ.ตร. ขนกันเป็นล่ำเป็นสัน อ่าวไทยคึกคัก “เอก 3 เค” ขนขึ้นฝั่งที่ท่าศาลาคืนละไม่ต่ำกว่า 4 แสนลิตร “โกชัย” ขึ้นที่ขนอม “เสี่ยเอก” ที่ปากน้ำตาปี ยังมีที่ อ.ดอนสักอีกแหล่ง
17 เมษายน 2567 ภายหลัง พล.ต.อ.กิตต์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รักษาการ ผบ.ตร. มีคำสั่งห้ามไม่ให้มีการทำผิดกฎหมาย ทั้งบ่อนการพนันและการค้าน้ำมันเถื่อน ปรากฏว่า ในส่วนของบ่อนการพนันในภาคใต้นั้นได้พากันหยุดกิจการชั่วคราว ยกเว้นบ่อนออนไลน์ ที่ยังดำเนินการอยู่แบบลับๆ แต่สำหรับนายทุนผู้ค้าน้ำมันเถื่อน ในอ่าวไทยและชายแดนไทย-มาเลเซียกลับไม่ได้เกรงกลัวคำสั่งของรักษาการ ผบ.ตร.แต่อย่างใด ยังคงมีการลักลอบนำน้ำมันเถื่อนจากทะเลขึ้นบกส่งขายให้แก่กลุ่มทุนอย่างเป็นล่ำเป็นสัน โดยเฉพาะขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนในฝั่งทะเลอ่าวไทย พื้นที่ จ.นครศรีธรรมราชและสุราษฎร์ธานี โดยกลุ่มนายทุนผู้ค้าน้ำมันเถื่อน ซึ่งอิงแอบ กับนักการเมืองท้องถิ่นและนักการเมืองระดับชาติ
ล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมา กลุ่ม “เอก 3 เค” นายทุนใหญ่ใน จ.นครศรีธรรมราช ได้นำเรือเหล็ก ที่เป็นเรือแท็งค์เกอร์ บรรทุกน้ำมันเถื่อนจากกลางทะเลอ่าวไทยมาขึ้นฝั่งที่ท่าเรือหัวแหลม บ้านท่าขึ้นสูง หมู่ 4 ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช หน้าบ้านของผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ โดยมีรถพ่วง 22 ล้อบรรทุกน้ำมันได้คันละ 40,000 ลิตร มารอรับน้ำมัน ส่งให้แก่ปั๊มน้ำมันและโรงงานอุตสาหกรรม ที่ต้องการใช้น้ำมันเถื่อน เนื่องจากมีราคาถูกกว่า โดยมีการส่งน้ำมันดีเซลขายในราคาลิตรละ 26 บาท ในขณะที่ราคาหน้าปั๊มลิตรละ 30–31 บาท ราคาอยู่ที่ระยะทางขนส่ง
ทั้งนี้ กลุ่มของ “เอก 3 เค” อยู่ในกลุ่มของ “นายกเอ” และ “นายหัวรงค์” แห่ง อ.จุฬาภรณ์ จ.นครศรีธรรมราช เป็นผู้ร่วมค้าและรับผิดชอบในการบรรทุกน้ำมันเถื่อนส่งให้ลูกค้าทั่วไป และกลุ่มของผู้ค้าน้ำมันเถื่อนกลุ่มนี้ได้นำน้ำมันเถื่อนขึ้นฝั่งคืนละไม่ต่ำกว่า 10 คันรถบรรทุกพ่วง ซึ่งบรรทุกน้ำมันได้คันละ 40,000 ลิตร โดยดำเนินการตั้งแต่เดือน มีนาคมเป็นต้นมา
ในขณะที่สายข่าวในพื้นที่ได้ส่งหลักฐานในการโทรศัพท์ แจ้งเบาะแสการค้าน้ำมันเถื่อน ให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ทั้ง ศรชล. ของกองเรือภาคที่ 2 กองทัพภาคที่ 4 และ กอ.รมน.ภาค 4 รวมทั้ง ศุลกากรและสรรพสามิตในพื้นที่ เพื่อให้เข้าไปตรวจสอบและจับกุม โดยแจ้งพิกัดให้ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่รับแจ้งตามปกติ แต่ไม่มีการส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบและจับกุมแต่อย่างใด
นอกจากจุดน้ำมันเถื่อน ที่นำจากอ่าวไทยมาขึ้นฝั่งที่ อ.ท่าศาลแล้ว ยังมีการนำขึ้นฝั่งที่ อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นของ กลุ่มทุนการเมืองท้องถิ่น มี “โกชัย” เป็นผู้ ดำเนินการ จุดขนถ่ายนี้ตั้งอยู่ไม่ไกลจากที่ตั้งของตำรวจน้ำ
เช่นเดียวกับจุดขนถ่ายที่ปากน้ำตาปี จ.สุราษฎร์ธานี ที่ท่าเรือท่าทอง ก็ไม่ไกลจากที่ทำการศุลกากร มี “เสี่ยเอก” ลูกชายของ เสี่ย ส. เป็นเจ้าประจำในการค้าน้ำมันเถื่อนให้แก่เรือประมงในพื้นที่ โดยไม่เคยถูกหน่วยงานไหนเข้าจับกุมแต่อย่างใด
นอกจากนั้น ยังมีการนำน้ำมันกลางอ่าวไทย ขึ้นที่ท่าเรือ อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นกลุ่มของนักการเมืองท้องถิ่น ที่มีนักการเมืองระดับชาติให้การหนุนหลัง
ที่สำคัญ มีปั๊มน้ำมันบางปั๊ม ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.จุฬาภรณ์ จ.นครศรีธรรมราช ขายน้ำมันถูกกว่าปั๊มอื่นๆ ถึงลิตรละ 3 บาท ทั้งดีเซลและเบนซิน โดยมีผู้หวังดีแจ้งทางโทรศัพท์ให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งตำรวจ ปนม. พาณิชย์จังหวัด พลังงานจังหวัด เพื่อให้ตรวจสอบว่า เป็นการนำน้ำมันเถื่อนมาขายให้แก่ประชาชนหรือไม่ แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ถ้าไม่มีการแจ้งความเอาผิด ก็ไม่กล้าไปตรวจสอบ เพราะอาจจะโดยกล่าวหาว่าเป็นการกลั่นแกล้ง
แหล่งข่าว กล่าวว่า ต้องการที่จะให้ลงข่าว เพื่อให้ไปถึง พล.ต.อ.กิตต์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รักษาการ ผบ.ตร. ได้ทราบว่า นายบ่อนกลัวการเอาจริงจากคำสั่งของรักษาการ ผบ.ตร. แต่ขบวนการน้ำมันเถื่อนในภาคใต้ไม่มีใครกลัว ยังมีการค้าอย่างเป็นขบวนการ ทำให้เชื่อว่า มีการจ่ายส่วยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และมีนักการเมืองเป็นแบ็กอัพอยู่เบื้องหลัง จึงทำให้กลุ่มขบวนการนี้ไม่กลัวกฎหมายแต่อย่างใด
ไม่มีความคิดเห็น: