30 ชาวบ้านปักหลักหน้าศาลากลาง จ.ตรังทวงคำตอบโครงการทวงผืนป่า



กระบวนการยุติธรรม: ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากโครงการทวงผืนป่า 30 ชีวิต บุกเอาคำตอบหลังเคยร้องถูกเข้าทำลายทรัพย์ชาวบ้านจนไร้ที่ทำกิน ปักหลักสู้กินนอนหน้าศาลากลางจนกว่าจะได้รับการแก้ไข

18 เมษายน 2565 - เวลา 16.00 น. ที่ด้านหน้าศาลากลางจังหวัดตรัง นายโอฬาร ชนะสงคราม อายุ 68 ปี พร้อมด้วยชาวบ้าน ต.ตะเสะ อ.หาดสำราญ ประมาณ 30 คนเดินทางมาพร้อมกับถือป้ายเรียกร้อง ขอความเป็นธรรม พร้อมทวงคำตอบ หลังจากได้มายื่นหนังสือร้องเรียนปัญหาเจ้าหน้าที่รัฐนำเครื่องจักกลเข้าไปรื้อถอนผลอาสินในที่ดินของชาวบ้าน ตามโครงการทวงคืนผืนป่าฯ ของ คสช. เพื่อทำแนวเขตใหม่ ตั้งแต่ปลายปี 2564 โดยมีนายไพบูลย์ โอมาก รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง นายไมตรี แสงอริยนันท์ ผอ.สบทช.7 มารับฟังปัญหาและรับหนังสือพร้อมชี้แจงกับชาวบ้าน

นายโอฬารกล่าวว่า วันนี้ต้องการมาเอาคำตอบ หลังจากที่เมื่อวันที่ 4 เมษายน ได้มายื่นหนังสือไปแล้วซึ่งเส้นตายที่ชาวบ้านจะได้รับคำตอบคือวันนี้ รอมาตั้งแต่ช่วงเช้าก็ไม่ได้รับการชี้แจงแต่อย่างใด ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ก็เคยบอกชาวบ้านว่าได้นำเรื่องประสานไปที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแล้ว แต่การดำเนินการช้ามาก ชาวบ้านหลายชีวิตรอมานานนับปี ทุกคนต้องกินต้องใช้ ลูกต้องเรียน มันโหดร้ายเกินไป ชาวบ้านรอคอยไม่ได้เลยต้องเอาคำตอบ ถ้าไม่ได้รับคำตอบ ตนและชาวบ้านจะปักหลัก รอคอยคำตอบอยู่ที่หน้าศาลากลางจังหวัด โดยไม่ไปไหน จะรอจนกว่าแก้ไขปัญหาเรื่องนี้

“ชาวบ้านต้องการรู้คำตอบว่าที่ดินที่มีปัญหาอยู่นั้นจะเข้ากลับไปทำมาหากินได้เมื่อไหร่ ถ้าผิดก็ให้รัฐชี้แจงว่าผิดอย่างไร อธิบายว่าผิดตรงไหน บอกตรงๆ มาเลยถ้าผิดก็ผิดทั้งหมดใช่หรือไม่ในพื้นที่ 5 กิโลเมตร กฎหมายที่ใช้เป็นการฝืนมติมหาชน ใช้แต่หลักนิติศาสตร์แต่ไม่ใช้รัฐศาสตร์ ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่รู้กฎหมาย เคยร้องเรียนก็โดนไล่ให้ไปร้องที่ศูนย์ดำรงธรรม พอไปร้องก็ไม่ได้รับการแก้ไขไม่มีการคืบหน้าอย่างใด ไปบอกสำนักนายกรัฐมนตรีก็ไปแล้วแต่ว่างเปล่า ไปกระทรวงทรัพยากรฯ แล้วก็ไม่ได้รับความสนใจ จะให้ชาวบ้านไปรอที่ไหนอีก” นายโอฬารกล่าว

นายโอฬารกล่าวว่า ตนและชาวบ้านมีหลักฐานพร้อมชี้แจง ตนเป็นคนกลาง ที่จะมาส่งเสียงความเดือดร้อนของชาวบ้าน ให้ผู้ที่มีอำนาจได้ยิน เพราะชาวบ้านไม่มีที่ทำกิน อยู่อย่างขัดสนขาดรายได้ พอมีโอกาสก็โดนตัดแขนตัดขามันโหดร้ายเกินไป ซึ่งตนและชาวบ้านยืนยันจะปักหลักรอจนกว่าจะได้รับคำตอบและไม่ย้ายไปไหน

0 ความคิดเห็น