ชายแดนใต้

[๐ ชายแดนใต้][bleft]

รายงานพิเศษ

[๐ รายงานพิเศษ][bsummary]

อุบัติเหตุ

[๐ อุบัติเหตุ][twocolumns]

บทความ

[๐ บทความ][bsummary]

การสู้รบในเมียนมาไม่อาจจะยุติได้ หากอเมริกายังสนับสนุนตามที่รัฐบาลเมียนมาอ้างว่าส่งผ่านจากชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน






บทความ โดย.. เมือง ไม้ขม

ความไม่สงบในประเทศเมียนมา หลังรัฐบาลของนางอองซาน ซูจี ถูก พล.อ.มินอ่องหล่ายยึดอำนาจ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา ประเทศเมียนมาก็เข้าสู่สถานการณ์ของการสู้รบระหว่างกองทัพของรัฐบาลเมียนมากับกองกำลังติดอาวุธของชนกลุ่มน้อยกลุ่มต่างๆ ที่มีพื้นที่ปกครองของตนเอง กระจายอยู่ในเขตพื้นที่แนวชายแดน ที่ติดกับประเทศต่างๆ เช่น ไทย สาธารณรัฐประชาชนจีน และ สปป.ลาว เป็นต้น

สถานการณ์สู้รบระหว่างทหารของรัฐบาลเมียนมากับกองกำลังติดอาวุธของชนกลุ่มน้อย ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2564 จนถึง ณ วันนี้ ที่กำลังจะเข้าสู่ปี 2566 ในอีกไม่กี่วัน ยังดำเนินไปด้วยความรุนแรง มีการสูญเสียที่เกิดขึ้นทั้งสองฝ่าย และยังไม่เห็นช่องทางในการเจรจาระหว่างเมียนมากับตัวแทนของชนกลุ่มน้อย ซึ่งมีอยู่ 4-5 กลุ่ม ที่เป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการสู้รบกับรัฐบาลของ พล.อ.มินอ่องหล่าย

และหากไม่มีคนกลาง เป็นผู้ไกล่เกลี่ยให้ทั้งสองฝ่ายพูดคุยหรือเจรจากัน ความไม่สงบและความรุนแรงในประเทศเมียนมา ยังคงมีความรุแรงและความสูญเสียต่อไป

สถานการณ์การสู้รบในประเทศเมียนมาไม่ได้สร้างความเดือดร้อนและความสูญเสียเฉพาะกับประชาชนในเมียนมาเท่านั้น แต่มีผลกระทบกับประเทศต่างๆ ที่เข้าไปลงทุนในประเทศเมียนมา รวมทั้งประเทศที่เป็นเพื่อนบ้านของเมียนมาอย่างไทย กัมพูชา สปป.ลาว ที่เป็นเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียนด้วยกัน

สงครามการสู้รบ ที่เกิดขึ้นระหว่างกองกำลังของ "รัฐบาลเมียนมา“ กับ ”กองกำลังของชนกลุ่มน้อย” ที่ยาวนานมาแล้วถึง 2 ปี มีหลายอย่างที่เป็นลักษณะเดียวกับสงครามระหว่าง”รัสเซีย”กับ”ยูเครน” นั่นคือมีประเทศมหาอำนาจอย่าง”สหรัฐอเมริกา “ และประเทศในสหภาพยุโรป ที่ให้การช่วยเหลือในด้านอาวุธยุทโธปกรณ์และอื่นๆ


กองกำลังของ”ชนกลุ่มน้อย” เช่นเดียวกับที่”ยูเครน” ได้รับการสนับสนุนทางด้านอาวุธ ที่ทันสมัย และเทคโนโลยี ที่เป็นนวัตกรรมที่ล้ำหน้าให้”ยูเครน” จนทำให้การเจรจา เพื่อยุติสงครามไม่เกิดขึ้น เพราะยูเครนมี”สหรัฐอเมริกา” และอีกหลายประเทศที่อยู่ใน”อียู” หรือ “สหภาพยุโรป” ให้การสนับสนุนในทุกด้านทำให้”ยูเครน” กลายเป็น”ตัวแทน” ของ”สหรัฐอเมริกา” และ”สหภาพยุโรป” ในการทำสงครามกับ”รัสเซีย”

มี”ข่าวสาร” จาก”สำนักข่าว”ของ”เมียนมา” หลายสำนักข่าว ที่”กล่าวหา” ว่า “สงคราม” ระหว่าง”รัฐบาลเมียนมา” กับ”ชนกลุ่มน้อย” ที่กำลังเข้าสู่ปีที่ 3 ในอีกไม่กี่วันว่า เป็นเพราะ”ชนกลุ่มน้อยจำนวนหลายกลุ่ม ที่เป็น”พันธมิตร” กับ”สหรัฐอเมริกา” ได้รับการ”สนับสนุน” จาก”สหรัฐอเมริกา” ทั้งในเรื่องของ”อาวุธ” และ”ยุทโธปกรณ์” ในการใช้”สู้รบ” รวมทั้งมีการมีหน่วยงานทางทหาร ที่เข้าไปฝึกฝนในยุทธวิธีของการ”ต่อสู้” ให้กองกำลังของ”ชนกลุ่มน้อย” ซึ่ง”เมียนมา” อ้างว่า มี”หลักฐาน”ที่ชัดเจน

แม้ว่าข่าวสาร ที่เป็นกระบอกเสียงของ”เมียนมา” จะไม่มีการระบุที่ชัดเจนว่า “อาวุธยุทโธปกรณ์” ที่ “สหรัฐอเมริกา” ส่งให้ ”ชนกลุ่มน้อย”ที่ดำเนินการโดย”สหรัฐอเมริกา”ส่งจาก”ชายแดน”ของ”ประเทศไทย”

แต่ใน”ข่าวสาร” ที่ระบุว่าไปจาก”ชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน” ก็เข้าใจได้ว่า มีการกล่าวหาว่า “ประเทศไทย” คือ”ทางผ่าน” ของ”อาวุธยุทโธปกรณ์” ที่ส่งจาก”สหรัฐอเมริกา” และจาก”พ่อค้าอาวุธ” ใน”ตลาดมืด”ของไทย ที่อาจจะมี”ประเทศ”มหาอำนาจ” ให้การ”สนับสนุน”อยู่”เบื้องหลัง”

เว็บไซต์ของสำนักข่าวเมียนมายังอ้างคำแถลงการณ์ของกลุ่ม”ปกป้องประชาชน” (PDF) ซึ่งเป็นกลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาลนางอองซาน ซูจี ในการต่อสู้กับรัฐบาลของ พล.อ.มินอ่องหล่าย ว่า ได้รับการสนับสนุนอาวุธต่างๆ รวมทั้งเครื่องยิงขีบปนาวุธ”สตริงเจอร์” เพื่อใช้ต่อสู้กับเครื่องบินรบของกองทัพเมียนมา โดยระบุว่า การช่วยเหลือทั้งหมดมากจากสหรัฐอเมริกาผ่านชายแดนเพื่อนบ้าน

รวมทั้ง สหรัฐอเมริกายังเจรจากับเพื่อนบ้านให้เปิดรับผู้ลี้ภัยจากการสู้รบ และกองกำลังที่ต่อต้านรัฐบาร พล.อ.มินอ่องหล่ายได้เดินทางมายังประเทศเพื่อนบ้านของเมียนมา เพื่อทำการฝึกอาวุธที่ทันสมัย การก่อวินาศกรรม และการจัดการกับทุ่นระเบิดในพื้นที่ และสหรัฐอเมริกายังเป็นผู้สนับสนุนเครื่องมือสื่อสารระบบดาวเทียมที่ทันสมัย และ”ยุทธวิธี” ในการ”สู้รบ” กำลังของเราจึงแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ กองกำกลังของเราคือ STAR OF HOPE



ประเด็นปัญหา ที่”สำนักข่าวเมียนมา” ซึ่งเป็น”กระบอกเสียงของ”รัฐบาลเมียนมา” กล่าวถึง”ประเทศเพื่อนบ้าน” ที่เป็น”เส้นทาง” ของ”อาวุธยุทโธปกรณ์”ให้แก่ ”ชนกลุ่มน้อย” เพื่อใช้”สู้รบ”กับ”กองทัพของเมียนมา” เป็นประเด็นใหญ่ ที่”รัฐไทย” ต้องมีการ”ใคร่ครวญ” ด้วยความ”รอบคอบ”

เพราะหาก”ชนกลุ่มน้อย”จำนวนหลายกลุ่ม ยังได้รับการสนับสนุนด้าน”อาวุธยุทโธปกรณ์” จาก”สหรัฐอเมริกา” และ”พันธมิตร” อย่างที่เป็นอยู่” โอกาสที่จะมีการ”เจรจา”เพื่อยุติการ”สู้รบ”ระหว่าง”ชนกลุ่มน้อย” กับ”รัฐบาลเมียนมา”ย่อมไม่อาจเกิดขึ้นได้

รวมทั้ง”รัฐบาลเมียนมา” ในการนำของ”พล.อ.มินอ่องหล่าย” มอง”ไทย” ด้วยความ”หวาดระแวง” เพราะเห็นชัดว่า” ทางหนึ่ง”ไทย” พยายามที่จะใช้”การทูต” แบบ”ไทยๆ” ในการเป็น”ตัวแทน”ของกลุ่มประเทศ”อาเซียน” เพื่อหาข้อ”ยุติ” ในการ”สู้รบ” ระหว่าง”รัฐบาลเมียนมา”กับ”ชนกลุ่มน้อย” แต่อีกทางหนึ่ง”ชายแดนไทย” ยัง”เปิดกว้าง” ให้”สหรัฐอเมริกา” และ”พ่อค้าอาวุธ” ใน”ตลาดมืด” ที่อาจจะมีประเทศ”มหาอำนาจ” ชักใย อยู่เบื้องหลังส่ง”อาวุธยุทโธปกรณ์”

ดังนั้นถ้า”ไทย” ต้องการที่จะเป็นตัวแทนของกลุ่มประเทศใน”อาเซียน” โดยใช้นโยบาย”การทูต” ในการแก้ไขสถานการณ์การ”สู้รบ” ที่มีความ”รุนแรง”เพิ่มมากขึ้น” ประเทศไทยต้อง”เข้มงวด” แนวชายแดนที่ติดกับ”ประเทศเมียนมา” เพื่อมิให้เป็น”ทางผ่าน” ของ”อาวุธยุทโธปกรณ์” ไปให้แก่ ”ชนกลุ่มน้อย” เพราะหาก”ชนกลุ่มน้อย” ไม่ได้รับการ”สนับสนุน” จาก”สหรัฐอเมริกา” หรือ”มหาอำนาจ”อื่นๆ และยังมี”ศักยภาพ” ในการต่อสู้กับ”รัฐบาลเมียนมา” การ”เจรจา” ระหว่าง” รัฐบาลเมียนมา” กับ”ชนกลุ่มน้อย” เพื่อนำไปสู่”ความสงบ” ไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นได้อย่างเด็ดขาด

และที่สำคัญ ไทยเราจะเป็น”คนกลาง” ในการให้ รัฐบาลเมียนมา ภายใต้การนำของ พล.อ.มินอ่องหล่าย ได้อย่างไร ในเมื่อผู้นำของเมียนมายังมองไทยด้วยสายตาของความ”หวาดระแวง” ในฐานะที่ไทยคือ”พันธมิตร” ของ”สหรัฐอเมริกา” ที่เป็นผู้ใช้ “ชนกลุ่มน้อย” และ”กองกำลังกลุ่มปกป้องประชาชน ที่สนับสนุน นางอองซาน ซูจี” ในการ “สู้รบ”กับ รัฐบาลเมียนมา ที่มี พล.อ.มินอ่องหลาย เป็นผู้นำ



ไม่มีความคิดเห็น: